Saturday, August 5, 2017

พาเด็กไป เก็บไข่ไก่ อาบน้ำม้า ที่ฟาร์มหมอปอ

Hi!! วันนี้เราจะพาเด็กไปเรียนรู้วิถีชีวิตในฟาร์มที่เป็นฟาร์มจริงๆ ให้เด็กๆได้ใกล้ชิดธรรมชาติ ได้สูดกลิ่นดิน กลิ่นหญ้า และรู้จักกับสัตว์น้อยใหญ่ในฟาร์มแบบตัวเป็นๆ หลังจากร้องเพลง Old McDonald had a farm มานาน (\^^/) และฟาร์มที่เราปักหมุดไว้ในครั้งนี้ มีชื่อว่า "ฟาร์มหมอปอ"

ทำความรู้จักกับ "ฟาร์มหมอปอ" กันก่อน

ฟาร์มหมอปอจริงๆแล้วเป็นฟาร์มม้า ตั้งอยู่ที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ที่ฟาร์มมีม้ามากกว่า 70 ตัว ส่วนมากเป็นม้าสายพันธุ์ที่หาดูยาก นำเข้ามาจากต่างประเทศ ทั้งอังกฤษ, สเปน, ฮอลแลนด์ และอเมริกา และเป็นม้าที่ติด 10 อันดับแรกของสายพันธุ์ม้าที่สวยที่สุดในโลกเลยเชียวนะ เมื่อได้ไปดู ไปสัมผัสใกล้ๆก็รู้สึกว่าพี่เค้าตัวโตมากๆ และยังดูสวย สง่า มากกว่าม้าทั่วๆไปที่เคยเห็นจริงๆ

สำหรับกิจกรรมในฟาร์มต้องบอกว่า เป็นกิจกรรมที่น่ารักและช่วยเสริมสร้างการเรียนรู้ของเด็กๆได้ดีมาก ไม่ว่าจะเป็น ให้เด็กๆได้เก็บไข่ไก่สดๆจากเล้า, อาบน้ำให้ม้า, ให้อาหารสัตว์ในฟาร์มซึ่งมีทั้ง ม้า แพะ นกกระจอกเทศ ห่าน หมู, กิจกรรมระบายสี, ขี่ม้าแคระเดินเล่นในฟาร์มโดยมีพี่ๆคอยจูงให้ รวมทั้งมีคอร์สเรียนขี่ม้าจากม้าพันธุ์ดีในฟาร์ม และยังมีที่พักแบบ farm stay ให้เด็กได้สัมผัสบรรยากาศฟาร์มอย่างจุใจกันไปเลย

เมื่อเดินทางไปถึงจะมีพี่ๆเจ้าหน้าที่ในฟาร์มมาต้อนรับและแจ้งกิจกรรมในฟาร์ม จุดนี้จ่ายเงินค่ากิจกรรมเรียบร้อยแล้วฟาร์มเมอร์ตัวน้อยๆก็ไปทำงานกันได้เลย

ราคาของกิจกรรมในฟาร์ม
1. ค่าเข้าชมฟาร์มผู้ใหญ่ 80 บาท (ต่อคน / ของเด็กน้อยเข้าฟรี)
2. เก็บไข่ไก่ 50 บาท (ได้กลับบ้าน 4 ฟอง / เกิน 4 ฟองคิดฟองละ 5 บาท)
3. อาบน้ำม้า 50 บาท
4. ให้อาหารสัตว์ตะกร้าละ 50 บาท
5. ระบายสี 50 บาท
6. ขี่ม้า 400 บาท (30 นาที)
7. เรียนขี่ม้า 900 บาท  (1ชม.)


และงานแรกของเด็กน้อยในฟาร์มเริ่มที่................

:: เก็บไข่ไก่ ::

ในเล้าไก่เด็กๆจะพบกับแม่ไก่ที่เลี้ยงแบบปล่อยอย่างอิสระกว่า 400 ตัว ออกไข่วันละประมาณ 250 ฟอง/วัน และได้เก็บไข่ไก่สดๆ อุ่นๆ จากใต้ท้องของแม่ไก่กันเลย >,< ซึ่งไข่ไก่ฟองโตที่เก็บสดๆจากเล้าไก่ที่เลี้ยงโดยการปล่อยอย่างอิสระนี้ จะทั้งสด อร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการสูงกว่าไข่ไก่จากฟาร์มทั่วไปอีกด้วย (ข้อมูลจาก http://farmmorpor.com/#activities)



แม่ไก่ที่นี่ค่อนข้างเชื่องและใจดี ถึงแม้จะมีบางตัวแอบเดินตามตะกร้าไข่ที่เราเก็บหรือเข้ามาจิกรองเท้ามาม๊าด้วยความสงสัยอยู่บ้าง แต่ขณะเก็บไข่ไก่ จะมีพี่ๆเจ้าหน้าที่ของฟาร์มคอยตามดูแลขณะทำกิจกรรมทุกอย่างเลยค่ะ :D


เด็กบ้านนี้กลัวๆกล้าๆในการเก็บไข่ในตอนแรก แต่พอได้เริ่มเก็บก็สนุกมาก เดินไปเก็บมุมนู้นที เก็บรังนี้ที แป๊บเดียวเราก็ได้ไข่อุ่นๆมาเต็มตะกร้าแล้วจ้าาาา



เก็บไข่ไก่เสร็จแล้ว เราก็จะนำตะกร้าไข่ไปเลือกไข่ฟองโตๆ ที่เด็กๆจะได้กลับบ้านจำนวน 4 ฟอง
แต่หากคุณแม่ต้องการไข่มากกว่านั้น ฟาร์มคิดราคาฟองละ 5 บาทค่ะ
เลือกเสร็จก็ใส่กล่องน่ารักๆและเขียนชื่อฝากพี่ๆไว้ก่อน ค่อยมารับตอนกลับบ้านนะจ๊ะเด็กๆ

:: อาบน้ำม้า ::

สำหรับเด็กตัวเล็ก ก็มีม้าแคระหรือเจ้าโพนี่ให้ได้อาบน้ำกัน เด็กๆจะได้สัมผัสม้าอย่างใกล้ชิดผ่านกิจกรรมการอาบน้ำนี่เอง // รองเท้าที่เหมาะสำหรับการทำกิจกรรมที่ฟาร์มหมอปอคือรองเท้าผ้าใบ และหากเด็กๆเตรียมรองเท้าบูทมาด้วยก็จะดีมาก งานเก็บไข่ไก่และอาบน้ำม้า มาม๊าคิดว่ารองเท้าบูทนี่เหมาะที่สุดล่ะ จริงๆที่ฟาร์มก็มีรองเท้าบูทเตรียมไว้ให้นะคะ แต่หากเตรียมมาก็จะสะดวกมากขึ้น





เด็กบ้านนี้มีอาการกลัวๆกล้าๆอีกตามเคยในช่วงแรก แต่พอลองได้จับแปรง เอามือไปลูบขนม้า แผงคอม้า สบตากันปิ๊งๆๆ ก็ดูชอบอกชอบใจใจและดูมุ่งมั่นกับการอาบน้ำให้เจ้าม้าน้อยมากเลยทีเดียว มุ่งมั่นแค่ไหนดูได้จากหน้าตา >,<

:: ให้อาหารสัตว์ในฟาร์ม :: 

ในฟาร์มหมอปอมีสัตว์ที่เราให้อาหารได้หลายชนิดเลยทีเดียว และกิจกรรมนี้ก็ดูจะเป็นกิจกรรมสุดโปรดของเด็กแทบทุกคน จุดนี้ต้องบอกว่าอาหารตะกร้าเดียวไม่เคยพอ เอ้าาา ให้อาหารวนไปค่ะ ^^"

เริ่มที่เจ้าแพะ นกกระจอกเทศ หมูแคระ กระต่าย ม้าแคระ และม้าตัวโตๆซึ่งมีอยู่หลายตัว เราก็จะได้ดูม้าสวยๆอย่างใกล้ชิด ได้จับ ได้สัมผัส เจ้าเด็กของเราก็แฮปปี้สุดๆกับกิจกรรมนี้






สิ่งที่มาม๊ารู้สึกได้เกี่ยวกับบรรยากาศและสัตว์เลี้ยงในฟาร์มหมอปอ คือบรรยากาศของฟาร์มยังมีความเป็นธรรมชาติอยู่มาก เป็นฟาร์มแท้ๆเลยละ ดังนั้นการมาเที่ยวอาจไม่สะดวกสบายนัก (ซึ่งมาม๊ามองว่าดีนะที่เราจะพาลูกไปสัมผัสสถานที่แบบนี้บ้าง) จำนวนนักท่องเที่ยวยังไม่เยอะหากดูจากจำนวนที่จอดรถในฟาร์มที่มีไม่มาก หากมาเที่ยวในช่วงเช้าน่าจะเหมาะกว่าเพราะอากาศยังไม่ร้อนมากนัก

:: ระบายสี :: 

กิจกรรมนี้เด็กๆจะได้เลือกรูปปั้นจากปูนพลาสเตอร์รูปสัตว์ และระบายสีด้วยสีน้ำตามจินตนาการได้เลย ระบายสีเสร็จแล้วก็นำผลงานตัวเองกลับบ้านไปได้ด้วยค่ะ




:: ขี่ม้า :: 

กิจกรรมขี่ม้าจะใช้เวลา 30 นาที โดยมีพี่เจ้าหน้าที่ของฟาร์มจูงม้าพาน้องๆเข้าไปในป่าเลยทีเดียว ฟังดูน่าตื่นเต้นซะเหลือเกิน \^^/ กิจกรรมนี้คุณพ่อคุณแม่ก็เข้าไปด้วยได้นะคะแต่คงต้องอยู่ห่างซักหน่อย และระมัดระวังเรื่องการใช้เสียงเพราะอาจทำให้ม้าตกใจและเกิดอันตรายได้

เด็กเคยขี่ม้าตัวโตกับมาม๊ามาแล้วครั้งหนึ่งตอนไปเที่ยว Pipo Pony ที่พัทยา แต่ก็ยังกลัวไม่กล้าขี่ม้าคนเดียว วันนี้ก็เช่นกัน เราเลยต้องแพ้บายกิจกรรมนี้ไปอย่างน่าเสียดาย แต่ได้ไปขี่ม้าในฟาร์มโคนมไทยเดนมาร์คแทน ครั้งหน้ามาใหม่เราคงจะได้ขี่ม้าสวยๆในฟาร์มหมอปอกันเนอะ  ^^"


บรรยากาศและกิจกรรมต่างๆในฟาร์มหมอปอเป็นบรรยากาศของฟาร์มจริง ซึ่งน่าจะถูกใจสำหรับครอบครัวที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวแบบธรรมชาติ เพราะที่นี่เด็กๆของคุณพ่อคุณแม่จะได้สัมผัสกับสัตว์หลากหลายชนิดอย่างใกล้ชิด ได้ทำกิจกรรมหลายอย่างที่ทำให้เด็กๆเรียนรู้การใช้ชีวิตในฟาร์ม ซึ่งค่อนข้างหาสถานที่ท่องเที่ยวดิบๆเรียลๆแบบนี้ได้ยาก ดังนั้นหากมีเวลาอยากแนะนำให้พาเด็กๆมาลองสัมผัสบรรยากาศแบบนี้กันดูนะคะ :D

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ::
Facebook :: Farm Mor Por
Website :: www.farmmorpor.com
Google map :: https://goo.gl/maps/s65w5mqArqG2

Monday, March 20, 2017

Enfant Organic Plus Natural Baby Powder | แป้งเด็กสูตรอ่อนโยนและปลอดภัย สำหรับหน้าร้อนนี้

โอยยย โอย อากาศมันร้อนนนน ร้อนอะไรเบอร์นั้นคะคุณพ่อคุณแม่ขา - -")
อากาศร้อนแบบนี้คิดว่าเด็กๆของหลายบ้านคงมีปัญหาผิวเหนียวเหนอะหนะเพราะเหงื่อ ผดผื่น และเกิดอาการคันยุกๆยิกๆตามมาด้วยเหมือนเด็กบ้านนี้แน่ๆเลย

สำหรับสภาพอากาศแบบนี้คงไม่มีผลิตภัณฑ์สำหรับผิวกายชนิดใดเหมาะจะนำมาใช้เท่ากับ "แป้งฝุ่น" อีกแล้ว เพราะทราบกันดีว่าแป้งฝุ่นมีคุณสมบัติช่วยดูดซับความชื้นทำให้ผิวแห้ง ลื่น เนียนนุ่ม ดังนั้นแป้งฝุ่นสำหรับทาตัวจึงเป็นที่นิยมอย่างมากสำหรับเมืองร้อนอย่างไทยแลนด์แดนสยามของเรา แต่สารภาพก่อนเลยว่าเด็กบ้านนี้ไม่เคยใช้แป้งฝุ่นเลย เพราะมาม๊ากังวลมากเรื่องของทัลคัม (Talc) ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคภูมิแพ้ ระบบทางเดินหายใจ และโรคมะเร็งด้วยนะ (อ้างอิง :  แป้งทัลคัม (Talcum powder) อันตรายจริงหรือ? และ แป้งฝุ่นปนเปื้อนสาร ทัลคัม (Talcum ) อันตรายต่อปอด)



ดังนั้นทางเราจึงไม่ลังเลเมื่อ Enfant ส่งผลิตภัณฑ์ Enfant Organic Plus Natural Baby Powder แป้งเด็กสูตรธรรมชาติ จากแป้งข้าวโพด (Cornstarch) ปราศจากส่วนผสมของหินแร่ทัลคัม (Talc-free) ซึึ่งฟุ้งกระจายต่ำและย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ มาให้ลองใช้ ตามมาดูซิว่าคุณสมบัติของน้องแป้งคนนี้เมื่อใช้แล้วจะถูกอกถูกใจเด็กน้อยและมาม๊ามากขนาดไหน!!



ศึกษาคุณสมบัติของน้องแป้งตัวนี้กันก่อนใช้ค่ะเพื่อนๆ หน้าตาจริงจังสุดๆ :P



  • Pure Cornstarch อย่างแรกที่น่าสนใจคือ น้องคนนี้ผลิตจากแป้งข้าวโพด ซึ่งข้อดีคือมีความฟุ้งกระจายต่ำและย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ ดังนั้นจึงปลอดภัยต่อระบบทางเดินหายใจของเด็กๆมากกว่าแป้งทั่วไป (แต่ก็ไม่ควรใช้ในปริมาณที่มากจนเกินไปนะคะ นี่ไม่ใช่บอกว่าปลอดภัยกว่าแล้วจับทั้งกระป๋องโรยใส่ตัวลูกเลยก็ไม่ใช่นะขุ่นแม่ ^^")
  • Talc-free ปราศจากทัลคัม 100% จากลิงค์ด้านบนมาม๊าคิดว่าหลายๆบ้านคงทราบแล้วว่าทัลคัมอันตรายกับร่างกายอย่างไร ดังนั้นหากมองหาแป้งฝุ่นสำหรับเด็กมาม๊าอยากให้ทุกบ้านระมัดระวังในการเลือกซักนิดเพื่อสุขภาพที่ดีของลูกนะจ๊ะ
ภาพและข้อมูลจาก www.kapook.com

  • Non-Irritation & Baby's Delicate Skin ไม่ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวด้วยส่วนผสมที่อ่อนโยนจาก Certified Organic Argan Oil ที่ช่วยปกป้องและถนอมผิวอย่างอ่อนโยน Chamomile ช่วยปรนนิบัติผิวให้เนียนนุ่ม และดูสุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติ และกลิ่นหอมอ่อนโยนด้วยน้ำหอมสูตรเฉพาะสำหรับเด็กผ่านกระบวนการผลิตฆ่าเชื้อด้วยกรรมวิธีทันสมัยและผ่านการทดสอบการระคายเคืองต่อผิวจึงปลอดภัยสำหรับผิวบอบบางของเด็ก อื้อหืม คุณสมบัติจัดมาแบบชุดใหญ่ไฟกระพริบแบบนี้คุณแม่ๆอย่างเรามั่นใจได้เรื่องความอ่อนโยนแน่นอน
  • Smooth & Comfort ด้วย Zinc Oxide และ Allantoin ซึ่งสองสิ่งนี้เค้ามีคุณสมบัติช่วยดูดซับความชื้น จึงช่วยป้องกันความเปียกชื้นจากเหงื่อสาเหตุของผดผื่น ทำให้เมื่อทาน้องแป้งคนนี้แล้วผิวเด็กๆจะเนียนนุ่ม แห้งสบาย ไม่หงุดหงิดงอแงเพราะเนื้อตัวเหนียวเหนอะหนะอีกต่อไป 
พูดถึงเรื่องของการทาแป้ง มาม๊าเคยอ่านเจอคำแนะนำจากคุณหมอในการใช้แป้งฝุ่นทาตัวลูกจึงอยากนำมาบอกกัน (ขออภัยที่จำที่มาไม่ได้อะค่ะ T^T) เริ่มตั้งแต่การเทแป้ง ควรเทใส่มือของเราให้ห่างๆจากตัวลูก พยายามให้เกิดการฟุ้งกระจายน้อยที่สุด และลูบไล้บางๆบนผิวของลูก อย่าใช้แป้งทาบนตัวลูกมากจนเกินไป ย้ำนะคะ โรยตัวทั้งกระป๋องไม่ใช่การใช้ที่ถูกนะขุ่นแม่ T^T พยายามหลีกเลี่ยงจมูกและอวัยวเพศของลูกเพื่อป้องกันการสะสม หากกลัวการอับชื้นจากการใส่ผ้าอ้อมสำเร็จรูปแนะนำให้เปลีี่ยนบ่อยๆจะดีกว่านะจ๊ะ

เอาละ ใช้น้องแป้งคนนี้แล้วเป็นยังไงบ้างนะ ... มาค่ะ หนูจะบอก :D


เจ้าเด็กน้อยใช้แล้วแฮปปี้ดี๊ด๊า เพราะผิวนุ่มลื่น ไม่ระคายเคืองผิว ไม่เหนียวเหนอะหนะตัวเหมือนที่ผ่านมา ในส่วนของกลิ่นก็บอกได้เลยว่าหอมอ่อนโยนไม่ฉุนเหมาะสำหรับเด็กเล็กมากๆ จุดนี้มาม๊าให้ผ่านค่ะ <3

ใครอยากสบายตัวเหมือนอาย อากาศร้อนๆแบบนี้ลองใช้ Enfant Organic Plus Natural Baby Powder กันนะคะ น้องแป้งคนนี้หาซื้อได้ที่แผนกเครื่องของใช้เด็ก ห้างสรรพสินค้าทั่วไปค่ะ

>>  Enfant Organic Plus Natural Baby Powder ราคาปกติ 245 บาท
>> ช้อปออนไลน์ ลดเหลือเพียง 196 บาท สั่งซื้อออนไลน์ ส่งฟรีทั่วประเทศ ที่นี่
>> ไม่อยากพลาดข่าวสารและโปรโมชั่นเด็ดๆสำหรับขุ่นแม่และลูกน้อย ก็ไปกดไลค์เพจของอองฟองต์กันได้เล้ยที่ Enfant Mom Club :3





Funny Hair Stylish | มาเล่นตัดกระดาษกันเถอะ

เฮลโหลว วันนี้มีกิจกรรมน่ารักๆเพื่อฝึกกล้ามเนื้อนิ้วมือและฝึกสมาธิของเจ้าป่วนมาแชร์กัน กิจกรรมนี้ต้องใช้กรรไกรซึ่งถือว่าท้าทายความสามารถของเด็กน้อยมากเลยทีเดียว เพราะเป็นครั้งแรกที่จะได้จับกรรไกรตัดกระดาษ ฉึบๆๆ ฉับๆๆ

ขั้นตอนแรกเรามาทำสามหนุ่มผมยาวให้ Hair Stylish ตัวน้อยกันก่อนค่ะ อุปกรณ์ที่ต้องใช้สำหรับกิจกรรมนี้มีเพียง แกนกระดาษทิชชู่, กระดาษสี 2-3 สี, แม๊กเย็บกระดาษหรือกาว, ปากกา และกรรไกรเล็กๆสำหรับเด็ก เตรียมอุปกรณ์เรียบร้อยแล้วก็ไปดูวิธีการทำที่นี่เล้ยยย ----> Fun cutting activity for kids


วิธีการเล่นง่ายๆคือก่อนเล่นลองสร้างเรื่องราวหรือตั้งคำถามกับเด็กๆดูนะคะว่าตอนไปร้านตัดผมเห็นมั๊ยน้าว่าพี่ๆๆช่างตัดผมตัดผมให้คุณพ่อหรือคุณแม่ยังไงเอ่ย แล้ววันนี้หนูอยากจะลองเป็นช่างตัดผมดูมั๊ย

วันนี้เรามีตัวการ์ตูนสามตัวซึ่งเด็กบ้านนี้สมมติให้หัวสีน้ำเงินเป็นคุณป๋า สีแดงเป็นมาม๊า และสีเหลืองเป็นตัวเอง ฮี่ๆ เอาละพร้อมแล้วก็ไปตัดผมกันนนน <3



เล่นตัดกระดาษไม่เพียงแค่ช่วยฝึกกล้ามเนื้อมัดเล็กให้นิ้วและมือน้อยๆได้ฝึกออกกำลังเท่านั้น แต่ยังฝึกการใช้สายตาและช่วยฝึกสมาธิให้จดจ่ออยู่กับการตัดกระดาษได้เป็นอย่างดี

ระหว่างที่ลูกกำลังตัดคุณพ่อคุณแม่ควรอยู่ข้างๆค่อยๆสอนให้ลูกฝึกหัดจับกรรไกร คอยชื่นชมปรบมือเสียงดังๆ ให้กำลังใจแบบเบอร์ใหญ่สุด ลูกเก่งมาก แม่ภูมิใจมาก เก่งจังตัดผมสั้นแล้วป๋าหล่อเลย เด็กๆจะภูมิใจและสนุกกับการเล่นมาก กิจกรรมนี้ช่วยเบรคความป่วนได้นานซักพักนึงเลยทีเดียว <3

Tuesday, January 10, 2017

Enfant Organic Plus Herbal Guard Lotion Review | ปกป้องผิวลูกรักให้ห่างไกลจากยุงร้ายด้วย Herbal Guard



สวัสดีวันอากาศดี๊ดีค่า ตอนนี้บ้านเด็กน้อยกำลังฮิตปลูกผักสวนครัวรั้วกินได้ เด็กเลยสนุกสนานอย่างเต็มที่กับการขุดดิน รดน้ำต้นไม้ ช่วยขนก้อนอิฐมาให้คุณป๋าจัดสวนครัว สำหรับกิจกรรม Out door สุดสนุกแบบนี้ มาม๊าบอกได้คำเดียวว่า เละมากค่าาา ^^"

และไม่ว่าตัวหนูจะเลอะเทอะเปรอะเปื้อนขนาดไหน มีเรื่องเดียวที่มาม๊าหมดกังวลไปได้เลยก็คือการปกป้องผิวของเจ้าหนูจากบรรดายุงและแมลงตัวร้ายตอนทำกิจกรรมนอกบ้าน เพราะเรามี Enfant Organic Plus Herbal Guard Lotion โลชั่นกันยุงสูตรอ่อนโยนสำหรับเบบี๋วัย 1 ขวบขึ้นไปจ้าาา


เจ้าน้องคนนี้เป็นผลิตภัณฑ์ปกป้องผิวสูตรอ่อนโยนที่ช่วยปกป้องป้องผิวด้วยสารสกัดธรรมชาติ น้ำมันสกัดออแกนิค Citronella Oil, Eucalyptus Oil, Andiroba Seed Oil และ Lavender Oil (สารสกัดกลุ่มนี้ที่เรารู้จักกันดีก็คือ สารสกัดจากตะไคร้ ยูคาลิปตัส ลาเวนเดอร์ นั่นเอง ซึ่งพืชเหล่านี้เป็นที่ทราบกันดีว่ามีคุณสมบัติในการป้องกันยุงนะจ๊ะ)

และไม่เพียงปกป้องผิวเหมือนยากันยุงทั่วไปเท่านั้น แต่ยังมีน้ำมันบริสุทธิ์จากธรรมชาติ ได้แก่ Coconut Oil, Grape Seed Oil, Olive Oil, Rice Bran Oil, Safflower oil และ Jojoba Oil ที่อุดมไปด้วยวิตามินและกรดไขมันช่วยบำรุงผิวของหนูให้เนียนนุ่มชุ่มชื้นอีกด้วย



ไม่เพียงแค่ประสิทธิภาพการปกป้องและบำรุงผิว แต่ในด้านความอ่อนโยนต่อผิวของลูกก็ดีงามเช่นกัน เป็นยากันยุงที่เหมาะสำหรับผิวบอบบางของเด็กๆจริงๆเพราะปราศจากส่วนผสม 6 ชนิดที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง (Free of harsh ingredients) ต่อผิวที่บอบบางโดยเฉพาะผิวของเด็กเล็ก นั่นคือ Paraben free, Alcohol free, Fragrance free, Dye free, Phthalate free และ Silicone free และผ่านการทดสอบโดยแพทย์ผิวหนัง (Dermatologically tested) แล้วว่าปลอดภัยไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้

Enfant Organic Plus Herbal Guard Lotion มีกลิ่นจากน้ำมันหอมระเหยหลากชนิดซึ่งอันนี้คิดว่ากลิ่นแรงไปนิดพอให้เจ้าเด็กทำจมูกฟุดฟิดหน่อยๆตอนทา แต่ก็คิดว่าเจ้ากลิ่นนี้แหละที่ช่วยปกป้องเด็กน้อยของเรา ^^" ในด้านของเนื้อโลชั่นนั้นบางเบาทาแล้วซึบซาบไวไม่ทิ้งความเหนียวเหนอะหนะเลยนะ ดังนั้นทาโลชั่นกันยุงเสร็จปุ๊บเจ้าเด็กของเราก็ออกไปซิ่งนอกบ้านได้เล้ย :)

การปกป้องผิวลูกรักของเราไม่ให้ยุงกัด นอกจากการทายากันยุงแล้ว ควรให้ลูกใส่เสื้อมีแขนและกางเกงขายาวโดยเลือกโทนสีสว่างๆ สวมถุงเท้ารองเท้าผ้าใบหรือจะสวมรองเท้าบูทแบบบ้านนี้เมื่อต้องออกนอกบ้านหรือไปวิ่งเล่นในที่ๆมียุงก็จะช่วยป้องกันไม่ให้ยุงกัดได้ดีขึ้นค่ะ



เรื่องปลูกผักไว้ใจหนู... เรื่องดูแลผิวหนูไว้ใจ Enfant Organic Plus Herbal Guard Lotion นะคะ ฮี่ๆ :D

>>  Enfant Organic Plus Herbal Guard Lotion ราคาปกติ 355 บาท
>> ช้อปออนไลน์ ลดเหลือเพียง 284 บาท สั่งซื้อออนไลน์ ส่งฟรีทั่วประเทศ ที่นี่
>> ไม่อยากพลาดข่าวสารและโปรโมชั่นเด็ดๆสำหรับขุ่นแม่และลูกน้อย ก็ไปกดไลค์เพจของอองฟองต์กันได้เล้ย Enfant Mom Club :3


ดูผลิตภัณฑ์บำรุงผิวอื่นๆของ Enfant Organic Plus

Friday, December 23, 2016

Christmas Tree Balance Activity | ชวนมาแต่งต้นคริสมาสกับเด็กน้อยที่บ้านกัน

เฮลโหลว วันนี้มาม๊าชวนมาทำกิจกรรมสนุกๆเล่นกับเจ้าป่วนที่บ้านต้อนรับเทศกาลคริสมาสนี้กันค่ะ
ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา คุณป๋าและมาม๊าพาเด็กน้อยไปเที่ยวนอกบ้าน เด็กน้อยตื่นเต้นกับต้นคริสมาสต้นใหญ่ตกแต่งไฟสวย มีลูกบอลและดาวเต็มไปหมด มาม๊าเลยอยากหาต้นคริสมาสมาไว้ให้นางเล่นที่บ้านบ้างงงง แต่ไม่อยากจ่ายเงินแพงๆ แล้วก็ขี้เกียจทำต้นคริสมาสเองด้วยอ้า ทำไงดี

ลอง Search หาวิธีทำต้นคริสมาสง่ายๆให้เจ้าเด็ก ก็เจอ Christmas Tree Balance Activity นี่เล้ย
กิจกรรมนี้ขอบอกว่าจัดเตรียมง่าย ใช้อุปกรณ์นิดเดียว และไม่เพียงสร้างความสนุกเท่านั้นแต่ยังช่วยให้หนูน้อยของเราได้ฝึกการทรงตัว ฝึกทักษะการใช้มือ, กล้ามเนื้อ, ทักษะในการเคลือนไหว ฝึกแก้ไขปัญหา และการเล่นตามเงื่อนไขที่คุณพ่อคุณแม่ตั้งขึ้นแบบสนุกๆกันค่ะ



สิ่งที่ต้องเตรียม
- เทปกาวสีเขียว สำหรับทำต้นคริสมาส
- กระดาษสี เพื่อทำของตกแต่งต้นคริสมาส เช่น ลูกบอล ดาว กล่องของขวัญ
- กรรไกร กาว
- พื้นที่ว่างๆสำหรับติดต้นคริสมาส :)

เมื่อติดเทปกาวบนพื้นเป็นรูปต้นคริสมาสแบบง่ายๆ และทำของตกแต่งต้นคริสมาสเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ก็มาเริ่มเล่นกันเลย!!

เริ่มจากคุณพ่อคุณแม่ตั้งเงื่อนไขกับเด็กๆให้นำของตกแต่งชนิดต่างๆไปติดบนกิ่งต้นคริสมาส โดยจะต้องเดินบนเส้นสีเขียวที่สมมติว่าคือต้นคริสมาส กำชับเด็กน้อยว่าอย่าเดินออกนอกเส้นสีเขียวไม่งั้นเราจะตกจากต้นไม้ เมื่อนำของไปติดตามกิ่งของต้นคริสมาสแล้วก็เดินกลับมาตามเส้นสีเขียว พยายามให้เดินอยู่บนเส้นสีเขียวนะจ๊ะ หากเป็นเด็กเล็กๆแบบบ้านนี้ คุณพ่อคุณแม่อาจต้องเริ่มเล่นให้ดูเป็นตัวอย่างหรือสลับกันเล่นคนละรอบกับลูกก็สนุกดีน้าา :D



ระหว่างเล่นส่งเสียงเชียร์นางดังๆ เด็กจะตื่นเต้นและมีความมั่นใจในการเล่นมากขึ้นค่ะ เมื่อเล่นเสร็จอย่าลืมชวนกันเก็บของเล่นลงกล่องให้เรียบร้อยน้า

ขุ่นแม่เก็บไอเดียการเล่นมาจากที่นี่ค่ะ
ลองเข้าไปดูแล้วนำมาดัดแปลงวิธีการเล่นได้หลายแบบเลยค่ะ ---> Christmas tree balance activity
หรืออยากหาไอเดียไว้ทำโฮมสคูลกับตัวป่วนที่บ้านก็ลองดูที่นี่จ๊ะ ---> โฮมสคูลเองได้ ง่ายนิดเดียว by ครูบี

Merry Christmas!!!!
ขอให้ทุกคนมีความสุขในวันคริสมาสนี้จ้าาา
จุ๊ฟๆจากมาม๊าและเจ้าเด็กน้อย <3

Sunday, December 18, 2016

Let's go to the Zoo!!! | ตามเด็กน้อยมาเที่ยวซาฟารีเวิลด์กัน

ลมหนาวมาแล้วว ฟิ้วๆๆ อากาศดีๆแบบนี้แม้สมัยวัยรุ่นเราจะต้องไปขึ้นดอย
แต่วัยแม่อย่างเราแล้ววว.... จะมีอะไรเหมาะกว่าการไปเที่ยวสวนสัตว์จริงมั๊ยๆ :D

วันนี้เด็กน้อยจะพาเที่ยว ซาฟารีเวิลด์ (Safari World) กันค่ะท่านผู้ชม
และนี่ถือเป็นครั้งแรกของการไปเที่ยวสวนสัตว์เปิดของเด็กน้อย มาม๊า และป๋า วู้ววตื่นเต้นจริง !!!



มาดูข้อมูลกันซักเล็กน้อย ซาฟารีเวิลด์เป็นสวนสัตว์เปิดขนาดใหญ่ แบ่งพื้นที่ให้เราเข้าชมเป็น 2 ส่วน คือ
  • ซาฟารีปาร์ค (Safari Park) เป็นสวนสัตว์เปิดให้เราได้นั่งรถชมชีวิตความเป็นอยู่ของเหล่าสัตว์ป่าตามธรรมชาติ โดยรถส่วนตัวหรือรถบริการพร้อมผู้บรรยายของซาฟารีเวิลด์ก็ได้ เหล่าน้องนางสัตว์ป่าที่จะได้ชมในโซนนี้ เช่น ม้าลาย อูฐ กวาง ยีราฟ นก เสือ หมี ฯลฯ 
ดูจากแผนที่ด้านล่างคือโซนสีเขียวๆรอบนอกนะจ๊ะ เราขับรถวนทางซ้ายดูน้องสัตว์กันหนึ่งรอบใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที แล้วนำรถมาจอดที่ลานจอดรถซึ่งอยู่ตรงมุมขวาล่างของแผนที่ จากนั้นก็เดินเข้าสู่โซนถัดไปได้เล้ย
  • มารีนปาร์ค (Marine Park) ดูจากชื่อน่าจะเป็นสวนน้ำ แต่โซนนี้เป็นส่วนจัดแสดงโชว์ของทั้งสัตว์บกและสัตว์น้ำเลยนะ ^^" ในตารางแสดงโชว์ด้านล่างที่บ้านเราเล็งไว้ว่าต้องไปดู เช่น อุรังอุตังโชว์ สิงโตทะเลโชว์ ช้างโชว์ โลมาโชว์ และการแสดงโชว์ของนก รวมถึงส่วนที่ให้เราเดินเข้าไปชมน้องสัตว์ทั้งหลาย และมีโซนพิเศษให้เราเข้าไปให้อาหารสัตว์อย่างใกล้ชิดได้ เช่น โซนยีราฟและ Mini zone บ้านของเจ้านกแก้ว
ดูจากแผนที่ด้านล่างมารีนปาร์คคือโซนสีส้มๆเหลืองๆตรงกลางแผนที่นะจ๊ะ ถึงจุดนี้วางแผนคำนวณเวลากันดีๆ จะได้ไม่พลาดโชว์หลายๆโชว์เพราะโซนจัดแสดงแต่ละโซนอยู่ค่อนข้างไกลกันพอสมควร

มาถึงปุ๊บซื้อบัตรก่อนนะจ๊ะตัวเทอ ซื้อตรงบริเวณช่องทางเข้าสวนสัตว์ได้เลย (ชำระเงินด้วยบัตรเครดิตได้ค่ะ บ้านนี้เด็กน้อยสูงยังไม่ถึง 100 cm เข้าชมฟรี เย่ๆ) จะได้รับ ตั๋วเข้าชม แผนที่ ตารางแสดงโชว์ และแผ่นพับประชาสัมพันธ์ของสวนสัตว์ซึ่งหายไปแล้ว - -" (โปรดมองข้ามความยับย่นของแผนที่ เพราะมันผ่านมือเจ้าเด็กจอมทำลายล้างทุกสิ่งอย่างบนโลกมา)  บ้านนี้มาสายหน่อยเลยวางแผนคร่าวๆว่า
  • ช่วงเช้าขับรถดูโซนซาฟารีพาร์คก่อน
  • 11.00 น. ดูโชว์สิงโตทะเล
  • 11.40 น. ดูน้องช้างโชว์
  • หลังจากนั้นพักทานข้าว ช่วงนี้รีบทำเวลากันหน่อยนะคะ เพราะต่อไปเราจะดูโลมาโชว์ ซึ่งประตูเปิดเวลา 13.00 น. รีบเข้าไปหน่อยจะได้เลือกที่นั่งดีๆ 
  • 13.45 น. ดูโลมาโชว์
  • หลังจากนั้นจะเดินดูน้องสัตว์นิดๆหน่อยๆ แล้วพุ่งตัวไปให้อาหารยีราฟกัน
  • 15.45 น. ดูอุรังอุตังโชว์
  • เก็บตกดูน้องสัตว์ทั้งหลาย เข้าไปให้อาหารน้องนกใน Mini World 


ซาฟารีพาร์ค (Safari Park)


เอาละถึงเวลาเที่ยวจริงๆแล้ว เปิดประตูกระโดดขึ้นรถแล้วมุ่งไปโซนซาฟารีพาร์คกัน!!!!!!

(** หมายเหตุยาวๆ โซนนี้เป็นโซนสัตว์ป่า ดังนั้นห้ามลงจากรถ ห้ามเปิดหน้าต่างรถด้วยนะคะ มาม๊าเห็นหลายบ้านเปิดหน้าต่างออกมาถ่ายรูปกัน อยากให้คุณพ่อคุณแม่เคารพกฎกติกาของสถานที่กันด้วยเนอะ จะได้เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเด็กๆของเรา และที่สำคัญเป็นเรื่องของความปลอดภัย ปฏิบัติตามกฎของสวนสัตว์เค้าจะได้ไม่มีเหตุการณ์ที่ทำให้ต้องมาเสียใจกันทีหลังนะจ๊ะๆ)

เข้าประตูมาเจอกับเหล่าพี่ม้าลาย ลุงอูฐที่มายืนจ้องซะใกล้กระจกรถของหนูเลย นกกระจอกเทศ ฝูงยีราฟ กวาง กระทิง แรด เยอะแยะมากมายจำได้ไม่หมด และเหล่านกมาลาบู นกกาบบัวที่บินและเดินกันเต็มถนน ณ ที่นี้เราได้รับแจ้งว่า พี่สัตว์ทั้งหลายมีสิทธิพิเศษบนถนนนะคะ ค่อยๆขับและระมัดระวังเจ้าบ้านทั้งหลายด้วยน้า



หลังจากนั้นจะผ่านประตูไฟฟ้าเข้าไปในโซนของพี่เสือกันค่ะ เจอพี่เสือสองตัวนอนต้อนรับตรงทางเข้า และมีโชวฟีดดิ้งตอน 10 โมงตรงเป๊ะ เรามาสายไปหน่อยพี่เสือหม่ำเสร็จพอดีเลยอะ พอหม่ำเสร็จพี่เสือเดินหนีกันไปหมด เลยอดเห็นพี่เสือใกล้ๆเลย T^T



หลังจากโซนพี่เสือจะเข้าไปโซนน้องนกยูง ซึ่งก็ไม่ค่อยมีอะไรให้ดูเท่าไหร่เลยอะ เราเลยดูแบบผ่านๆเร็วหน่อยนึงเพื่อเข้าไปมารีนปาร์คดูโชว์แรกกัน


มารีนปาร์ค (Marine Park)


เวลคัม ทู มารีนปาร์ค!!! รีบเดินจ้ำกันนิดเพื่อไปหาน้องสิงโตทะเลโชว์ ระยะทางของบ้านน้องเค้าไกลจากทางเข้าพอสมควรเลยนะ เดินดูกันแบบผ่านๆก่อนละกัน ค่อยมาเก็บตกทีหลัง

มาดู โชว์สิงโตทะเล (Sea Lion Show) กันค่า เป็นโชว์แรกของเราเนื่องจากมาไม่ทันดูอุรังอุตังโชว์จึงเก็บไว้ดูเป็นโชว์สุดท้ายเลยแล้วกัน บรรดาพี่ๆสิงโตทะเลโชว์เล่นห่วง เล่นบอล เดินบนถัง และอีกหลายอย่างจบโชว์เรียกรอยยิ้มและเสียงปรบมือได้เกรียวกราวเลยทีเดียว





ดูโชว์สิงโตทะเลแล้วรีบเดินไปหาพี่ช้างกันเลยนะคะ
มาค่ะๆพี่ๆซุปตาร์เค้ามารอต้อนรับเราแล้ว พบกับ พี่ช้างโชว์ (Elephant Show) <3
เหล่าพี่ช้างตัวโตโชว์ความสามารถกันมากมาย ทั้งเตะบอล ชู๊ทบาสเก็ตบอล วาดภาพ ไต่ลวด โชว์นวดอีกตังหาก โชว์นี้ดีงามมาม๊าและเด็กน้อยปรบมือให้รัวเลย แปะๆๆ :D

หลังโชว์สามารถลงไปถ่ายรูปอย่างใกล้ชิดกับพี่ๆเค้าได้ พร้อมกับขายภาพวาดฝีมือพี่ช้างตอนโชว์ หรือจะขี่ช้างก็ได้ แต่ราคาไม่น่ารักเอาซะเลย มาม๊ากับเด็กน้อยเลยขอถ่ายรูปกับพี่เค้าไกลๆแบบนี้ก็ได้ แหะๆ






โชว์ถัดมาที่พลาดไม่ได้และว่ากันว่าเป็นไฮไลท์ของที่นี่ คือ โลมาโชว์ (Dolphin Show)
ขอบอกว่านางน่ารักและว่ายน้ำเร็วปรู๊ดจนถ่ายภาพไม่ทัน มาม๊าเลยถ่ายคลิปแบบรัวๆ โชว์นี้เรียกเสียงฮือฮาดังกว่าทุกโชว์ จัดว่าเด็ดสมคำร่ำลือ เด็กน้อยอ้าปากค้างไปเล้ย




ขอคั่นรายการโดยการไปให้อาหาร ยีราฟ ที่เราเห็นไกลๆตอนขับรถดูในโซนซาฟารีพาร์คกันเถอะ!! ทางสวนสัตว์เค้าบอกว่าที่นี่มีฝูงยีราฟกว่า 200 ตัว ซึ่งถือว่าเยอะที่สุดในโลกเลยทีเดียว

เราสามารถซื้ออาหารไปป้อนพี่ๆเค้าใกล้ๆได้ในราคาถังละ 100 บาท ในถังมีมันเทศและกล้วยพร้อมไม้จิ้มมาให้ พวกพี่ๆยืนชูคอสลอนเลยเชียว ให้เท่าไหร่ก็ไม่อิ่ม ให้ช้ามีทำเสียงบ่นฮึ่มๆด้วยนะ ใจเย็นค่ะพี่ ^^"






มาถึงโชว์สุดท้ายของเรากันแล้ว อุรังอุตังโชว์ ซึ่งมีเวลาแสดงตรงกับโชว์ของน้องนก ทางแม่คิดว่าลูกน่าจะชอบอุรังอุตังมากกว่า เพราะแม่อยากดูอุรังอุตังมากกว่านก แหะๆ ^^"

ดูโชว์แล้วมาม๊าคิดว่าหากบ้านไหนมีเด็กเล็กขนาดเด็กน้อยของมาม๊า (2 ขวบนิดๆ) อุรังอุตังโชว์อาจจะไม่ค่อยเหมาะนะ เพราะมีมุกทะลึ่งตึงตังเยอะ ผู้ใหญ่ขำแต่เด็กน้อยยังไม่เข้าใจ บางช่วงที่อุรังอุตังทำท่าเตะพิธีกร เด็กน้อยพูดเบาๆว่า "อุรังอุตังแกล้ง ไม่ดีเลย" ^^"

แต่พอกลับมาถึงบ้าน นางกลับพูดถึงอุรังอุตังบ่อยที่สุด แถมทำท่าตีกลอง เต้น เล่นกีตาร์ ต่อยมวยแบบอุรังอุตังด้วย เจ้าอุรังอุตังจะน่ารักน่าหยิกขนาดไหน ขออัญเชิญไปดูคลิปเลยค่ะ ----> อุรังอุตังโชว์


กิจกรรมอีกอย่างที่ไม่ควรพลาดคือ การให้อาหารเจ้านกแก้วที่ Mini World โซนนี้สามารถให้อาการนกแก้วแสนเชื่องได้แบบใกล้ชิดๆ บินมาเกาะบนมือ บนไหล่ บนหัวกันเลยทีเดียว แต่เราไปเย็นมากแล้ว เจ้านกแก้วอิ่มจนพุงป่อง ขนาดยื่นอาหารเข้าไปใกล้จนถึงปาก นางยังเมินเลยอ่ะ >,<



โอย เดินจนเมื่อยเท้า หมดวันสวนสัตว์ได้เวลาปิดพอดี แต่ก็ยังดูไม่ครบเลยยยยย
ตามความเห็นของมาม๊าคิดว่ายากมากที่จะเก็บโชว์ให้ครบทั้งหมดและเดินอ้อยอิ่งดูสัตว์ทั้งหมดได้ในวันเดียว แต่คงไม่มาซ้ำรอบสองแล้วล่ะ เพราะราคาบัตรนั้นแอบแรงอยู่ไม่น้อยถ้าจะให้คุ้มค่าควรจะต้องดูโชว์ด้วย และคิดว่าการจัดโซนแสดงมันเดินไกลไปน้าาา ป้าเมื่อย ป้าเหนื่อย ป้าต้องเดินวนไปเวียนมา ป้าแก่แล้วสงสารป้าด้วย T^T



แต่การมาเที่ยวซาฟารีเวิลด์เป็นครั้งแรกของบ้านเราในวันนี้โดยรวมๆแล้วมีเสน่ห์ ถือว่าโอเคมากๆเลยนะจ๊ะ เด็กน้อยได้พบกับสัตว์ที่เคยเห็นแต่ในหนังสือเลยตื่นตาตื่นใจมากๆ จุดนี้ลูกแฮปปี้ แม่ก็แฮปปี้ค่ะ <3

จบรีวิวท่องเที่ยวเพียงเท่านี้ หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับหนูน้อยที่วางแผนจะไปเที่ยวซาฟารีเวิลด์กันน้าาา
เลิฟๆ จากมาม๊าและเด็กน้อย ^^/